top of page

เศรษฐกิจไตรมาสสุดท้ายของปี 2566


เศรษฐกิจไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 *GDP ไตรมาสแรกปี 66 ขยายตัวสูงเกินคาด


*GDP ไตรมาสแรกปี 66 ขยายตัวสูงเกินคาด 2.7% จับตาหลังจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ คาดแนวโน้มเศรษฐกิจขยายตัว 2.7-3.7% จากการท่องเที่ยวและการลงทุนทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ

สํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาสแรกปี 2566 ขยายตัวสูงเกินคาด 2.7% จากปีก่อนหน้า และ 1.9% จากไตรมาส 4 ของปี 2565 เป็นผลมาจากการส่งออกบริการและการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัว สืบเนื่องจากภาคการท่องเที่ยวและการกลับมาขยายตัวของการใช้จ่ายหมวดบริการที่เพิ่มขึ้น 11.1% จากกลุ่มโรงแรมและภัตตาคาร

ด้านตัวเลขเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ อัตราการว่างงานลดลงอยู่ที่ 1.05% อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ที่ 3.9% ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 4 พันล้านดอลลาร์ (13.9 หมื่นล้านบาท) ขณะที่เงินทุนสํารองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2566 อยู่ที่ 2.2 แสนล้านดอลลาร์ และหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือน มีนาคม 2566 มีมูลค่าทั้งสิ้น 10,797,505.5 ล้านบาท คิดเป็น 61.2% ของ GDP

ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในไตรมาสสุดท้ายนี้ อยู่ที่ระดับ 46.9 เพิ่มขึ้นจากระดับ 42.0 ในไตรมาสก่อนหน้า สูงสุดในรอบ 3 ปี การลงทุนรวมขยายตัว 3.1% ชะลอลง 3.9% ตามกำไรชะลอตัวของการลงทุนภาคเอกชนที่ขยายตัว 2.6% โดยการลงทุนภาครัฐขยายตัว 4.7% จาก 1.5% ในไตรมาสก่อนหน้า การลงทุนของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจขยายตัว 6.9% และ 1.8% ตํามลําดับ

ด้านการค้าระหว่างประเทศ การส่งออกสินค้ามีปริมาณและมูลค่าลดลง เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า การนำเข้าสินค้าขยายตัว 1.3% มีมูลค่า 66,860 ล้านดอลลาร์ โดยปริมาณนําเข้าลดลง 3.3% แต่ราคานําเข้าเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 2.9 พันล้านดอลลาร์ รวม 104.4 พันล้านบาท ส่วนปริมาณส่งออกลดลงกว่า 6.4% มูลค่าส่งออกลดลง 4.6% อยู่ที่ 69,806 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ พบการส่งออกสินค้าไปยังตะวันออกกลาง อินเดีย สหราชอาณาจักร โดดเด่น เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกลดลง เช่น เคมีภัณฑ์และปิโตรเคมี ชิ้นส่วนและอุปกรณ์สําหรับยานยนต์ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ยางพารา และอาหารสัตว์ กลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น เช่น ชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์นั่ง รถกระบะและรถบรรทุก เครื่องปรับอากาศ เครื่องใช้ในห้องน้ําและเครื่องสําอาง น้ําตาล ข้าว และทุเรียน


แนวโน้มเศรษฐกิจไทยตลอด ปี 2566

สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจ คาดว่าจะขยายตัว 2.7-3.7% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ และการขยายตัวของการลงทุนทั้งภาคเอกชนและภาครัฐนอกจากนี้ สิ่งที่ต้องติดตามกันต่อไป คือ การบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาคในช่วงที่เหลือ ที่จะต้องให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนภาคการส่งออกสินค้า การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน การสนับสนุนการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและบริการเกี่ยวเนื่อง การดูแลการผลิตภาคเกษตรและรายได้เกษตรกร และการรักษาบรรยากาศทางเศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศในช่วงหลัง ซึ่งจะต้องจับตาการบริหารงานของรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเกิดขึ้น และจะส่งผลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะหลังจากนี้ไม่น้อย


แต่ทั้งนี้ด้านภาคเอกชก็ต้องเตรียมความพร้อม เพื่อรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขยายตัวหลังจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นความพร้อมทั้งด้านต่างๆ ไม่ว่า กำลังการผลิต แนวโน้มทางการตลาด หรือแม้แต่กระแงเงินสด วงเงินสำรอง เพื่อรองรับและการแข่งขันในช่วงที่ตลาดกำลังฟื้น ร่วมถึง บุคลากร ที่จะสนับสนุนให้ธุรกิจของคุณ ทันต่อความต้องการของตลาดในประเทศและต่างประเทศ

หากว่าคุณกำลังมองหาแหล่งสนับสนุน เงินทุนหมุนเวียน เพื่อขยายกิจการ ให้ทันท่วงที ไม่พลาดโอกาษต่อการแข่งขัน เรา บริษัท ไดเร็คมันนี่ จำกั (DTC) พร้อมให้การ สนับสนุน ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (SMEs) ขนาด


ขอข้อมูลเพิ่มเติม

แอดไลน์ที่่ https://lin.ee/NQSpuEEi

เว็บไซต์ https://www.directmoney-credit.com

สายด่วน 064-851-4225


#สินเชื่อธุรกิจ #สนับสนุนเงินทุน #เงินด่วน #เงินกู้ #แหล่งเงินทุน #วงเงินฉุกเฉิน #วงเงินโอดี #สินเชื่อเพื่อการส่งออก #สินเชื่อนำเข้า #สินเชื่อโรงงาน #สินเชื่อขยายการผลิต #ผู้ประกอบการ #โรงงาน #อุสหกรรม #ค้าปลีก #ค้าส่ง #ขนส่ง #ส่งออก #นำเข้า #ผู้ผลิต #รับเหมา #ตบแต่งภายใน #อนุมัติง่าย #ได้เงินไว #ไม่ใช้หลักทัพย์ค้ำประกัน #ไม่เรียกเก็บเงินก่อน #เอกสารน้อย #ได้ริง #วงเงินสูง #ไม่เช็คเครดิตบูโร #ลดต้นลดดอก #ไม่ใช้ไม่เสียดอกเบี้ย #ไม่มีค่าดำเนินการ #ฟรีประเมิน #บริการถึงที่ #ยืนขอออนไลน์ #ไม่ต้องไปสาขา

bottom of page